ในภาษาไทย คำว่า "เพชรสีฟ้า" และ "เพชรสีน้ำเงิน" มักถูกใช้สลับกัน หรือใช้ตามความรู้สึกทางสุนทรียศาสตร์ของผู้พูด แต่ในทางอัญมณีวิทยาและการค้าเพชรแฟนซีสี (Fancy Color Diamonds) คำทั้งสองนี้มีความหมายที่ซ้อนทับกันและแตกต่างกันอย่างละเอียดอ่อน เพชรสีฟ้า และ เพชรสีน้ำเงิน ต่างก็จัดอยู่ในกลุ่ม Blue Diamonds ที่มีธาตุโบรอน (Boron) เป็นส่วนประกอบ แต่ความแตกต่างของ "สี" อาจหมายถึงความเข้มของสี หรือโทนสีรอง (Secondary Hue) ที่ส่งผลต่อมูลค่าและความหายากอย่างมหาศาล บทความนี้จะวิเคราะห์ความเหมือนและความแตกต่างของ เพชรสีฟ้า และ เพชรสีน้ำเงิน ตามมาตรฐานการจัดเกรดของสถาบันที่มีอำนาจ (Authoritativeness)
ในตลาดเพชรแฟนซีสีระดับโลก สถาบันที่มีความน่าเชื่อถือสูงสุดคือ GIA (Gemological Institute of America) ซึ่งทำหน้าที่จัดเกรดสีของเพชรอย่างเป็นกลาง คำว่า "สีฟ้า" และ "สีน้ำเงิน" ถูกรวมอยู่ในหมวดหมู่ Blue Diamonds แต่แยกย่อยตาม ความเข้ม และ โทนสี
ที่มาของสี: ทั้ง เพชรสีฟ้า และ เพชรสีน้ำเงิน ที่เป็น เพชรธรรมชาติ จะมีสีเกิดจากการมีธาตุ โบรอน (Boron) แทรกซึมอยู่ในโครงสร้างผลึกคาร์บอน (C)
ชื่อเรียกทางการ: ในใบรับรอง GIA เพชรเหล่านี้จะถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มสีหลักคือ Blue (สีน้ำเงิน) โดยอาจมีการระบุสีรอง (Modifier) หรือระดับความเข้ม
ความแตกต่างระหว่าง "ฟ้า" และ "น้ำเงิน" ในการตีความของคนไทยมักหมายถึง ความเข้มของสี ซึ่งสอดคล้องกับระบบการจัดเกรดของ GIA:
| คำศัพท์ (การตีความภาษาไทย) | ระดับความเข้มของ GIA | ความหมายในทางปฏิบัติ |
| เพชรสีฟ้า (อ่อน) | Fancy Light Blue ถึง Fancy Blue | โทนสีฟ้าอ่อน คราม คล้ายน้ำทะเลตื้น หรือสีของท้องฟ้า เป็นสีที่เข้าถึงได้ง่ายกว่าในกลุ่ม Blue |
| เพชรสีน้ำเงิน (เข้ม) | Fancy Intense Blue, Fancy Vivid Blue ถึง Fancy Deep Blue | โทนสีน้ำเงินเข้มจัด ลึก เหมือนสีน้ำทะเลลึก หรือไพลิน (Sapphire) เป็นเกรดที่หายากและมีมูลค่าสูงที่สุด |
ข้อสรุป: ในทางเทคนิคแล้ว เพชรสีฟ้า คือเพชรสีน้ำเงินที่มีความเข้มของสีน้อยกว่า ในขณะที่ เพชรสีน้ำเงิน มักถูกใช้สื่อถึงเพชรที่มีความเข้มของสีสูงและบริสุทธิ์
ความแตกต่างระหว่าง เพชรสีฟ้า (อ่อน) กับ เพชรสีน้ำเงิน (เข้ม) ส่งผลต่อมูลค่าอย่างมหาศาล ซึ่งเป็นประสบการณ์ (Experience) การซื้อขายที่นักลงทุนต้องทราบ
Fancy Vivid Blue: เพชรสีน้ำเงิน ในระดับ Fancy Vivid Blue ซึ่งเป็นเกรดที่มีสีบริสุทธิ์และสดใสที่สุด มีมูลค่าสูงที่สุดในกลุ่มเพชรสีน้ำเงิน การซื้อขายเพชรเหล่านี้มักทำลายสถิติโลก เนื่องจากความหายากที่เหนือกว่า เพชรสีฟ้า โทนอ่อนมาก
ความหายากของโบรอน: เพชรสีน้ำเงิน ที่มีความเข้มสูงต้องมีปริมาณโบรอนในโครงสร้างที่เหมาะสม ซึ่งเกิดขึ้นได้ยากกว่าการมีโบรอนในปริมาณเล็กน้อยที่ทำให้เกิดสีฟ้าอ่อน (Fancy Light Blue)
Fancy Light Blue: เพชรสีฟ้า ที่มีความเข้มต่ำ (Fancy Light Blue) มีราคาต่อกะรัตที่ต่ำกว่าเพชรสีน้ำเงินเข้มมาก ทำให้เป็นทางเลือกสำหรับผู้บริโภคที่ต้องการความงามของสีฟ้าโดยไม่ต้องใช้งบประมาณระดับมหาเศรษฐี
ข้อสรุป: หากผู้ซื้อกำลังพูดถึง เพชรสีฟ้า (ในโทนอ่อน) มูลค่าจะเข้าถึงได้ง่ายกว่า แต่หากพูดถึง เพชรสีน้ำเงิน (ในโทนเข้มและ Vivid) กำลังพูดถึงอัญมณีที่มีมูลค่าสูงลิ่วสำหรับการลงทุน
นอกเหนือจากความเข้มของสีแล้ว โทนสีรอง (สีที่เจือปน) ก็มีความสำคัญอย่างยิ่งในการแยกแยะและกำหนดมูลค่าของ เพชรสีฟ้า หรือ เพชรสีน้ำเงิน
ความแตกต่างกับสีน้ำทะเล: เพชรสีฟ้า จำนวนมากไม่ได้มีสีฟ้าบริสุทธิ์ แต่มีสีเขียวเจือปน ทำให้เกิดชื่อเรียกในใบรับรอง เช่น Fancy Greenish Blue หรือ Fancy Grayish Blue โทนสีแกมเขียวนี้บางครั้งถูกตีความว่าเป็น "สีน้ำทะเล" ซึ่งมีความงามเฉพาะตัว
มูลค่า: โดยทั่วไป เพชรสีน้ำเงิน ที่มีสีบริสุทธิ์ (Pure Blue) จะมีมูลค่าสูงกว่า เพชรสีฟ้า ที่มีสีเขียวเจือปน
การใช้คำศัพท์ที่ถูกต้อง: การซื้อขาย เพชรสีฟ้า หรือ เพชรสีน้ำเงิน ต้องยึดมั่นในคำศัพท์ที่สถาบันที่มีอำนาจ (Authoritativeness) เช่น GIA ใช้ในใบรับรองเท่านั้น เช่น Fancy Blue หรือ Fancy Intense Blue การใช้คำว่า "สีฟ้า" หรือ "สีน้ำเงิน" ในภาษาพูดเป็นเพียงการตีความที่อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับมูลค่า
การยืนยันโบรอน: ผู้เชี่ยวชาญ (Expertise) ด้านอัญมณีจะยืนยันว่า เพชรสีฟ้าธรรมชาติ หรือ เพชรสีน้ำเงินธรรมชาติ มีการแสดงสเปกตรัมของโบรอนอย่างชัดเจน เพื่อแยกแยะออกจากเพชรสีน้ำเงินบำบัด (Treated Blue) หรือเพชรสีน้ำเงินสังเคราะห์ (Lab-Grown Blue)
เพชรสีฟ้า และ เพชรสีน้ำเงิน ทั้งสองคำใช้เรียกเพชรที่มีสีหลักเป็นสีฟ้า/น้ำเงิน (Blue) และมีโบรอนเป็นตัวกำหนดสี
ความเหมือน: ทั้งสองคือ Blue Diamonds ที่หายาก มีโบรอนเป็นองค์ประกอบ และมีมูลค่าสูงกว่าเพชรใสทั่วไป
ความแตกต่าง: โดยทั่วไปในการตีความและมูลค่าตลาด เพชรสีน้ำเงิน สื่อถึง ความเข้มของสีที่สูงกว่า (Fancy Intense/Vivid) ซึ่งเป็นเกรดที่หายากและมีมูลค่าสูงสุด ส่วน เพชรสีฟ้า มักหมายถึง ความเข้มของสีที่ต่ำกว่า (Fancy Light) ซึ่งเข้าถึงได้ง่ายกว่า
การตัดสินใจซื้อจึงควรพิจารณาจากระดับความเข้มของสีที่ระบุในใบรับรอง GIA เป็นหลัก ซึ่งเป็นตัวกำหนดมูลค่าที่แท้จริง
เพชรสีฟ้า